
โดยเมื่อคืนได้โพสต์ข้าความว่า
"ด่วนที่สุด! ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง
ระเบิดลงนครบาล!
เมื่อเย็นนี้ ผบช.น. ให้โฆษกฯ แถลงข่าวยืนยันว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตำรวจห้วยขวางเรียกรับผลประโยชน์
แต่ปรากฏว่า มีผู้หญิงคนไทย แฟนเป็นคนสิงคโปร์ ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กินเหล้ากับดาราสาวไต้หวัน
ให้การยืนยันว่า ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง! และมีคลิปยืนยันด้วย เพราะเห็นว่าการแถลงข่าวเมื่อเย็นของนครบาลยังปากแข็ง ไม่ยอมรับ
ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่าน เพิ่งรับสารภาพสดๆ ร้อนๆ ว่ารีดเงิน 27,000 บาท จริง!
ขอบคุณ: เฟสบุ๊คนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์, มติชนออนไลน์
ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่าน เพิ่งรับสารภาพสดๆ ร้อนๆ ว่ารีดเงิน 27,000 บาท จริง!
ก่อนหน้านี้ ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง
ใช้ให้ลูกน้อง พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการ น.1 และ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง
ไปวางแผนทำขายขี้หน้า หลายเรื่อง
1. ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน
2. ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน
3. กล่อมให้คนขับแกร๊บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ
4. ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน
5. ตอบโต้ แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง
ผบ.ตร. เห็นท่าไม่ดี สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การฯ ศูนย์สืบสวนนครบาล รีบบินด่วนเพื่อไปสอบปากคำจากดาราสาวไต้หวัน
พร้อมกันกับที่สาวไทยที่ไปเที่ยวด้วยกัน มาให้ข้อมูลว่าเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทด้วยตัวเอง
ทีม บชน. จึงชิงกลับลำ ให้ตำรวจห้วยขวางสารภาพเสียดีกว่า
ระเบิดจึงลงที่นครบาลอีกครั้ง พังไม่เป็นท่า วันจันทร์คงแบกหน้าสารภาพผิด
เรื่องสำนวน “ตู้ห่าว” ยังมีกลิ่นตุๆ ไม่หาย
ยังมาทำเรื่อง “สาวไต้หวัน” ให้กลิ่นเหม็นเน่าเข้าไปอีก
เพิ่งเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว กลับเจอด่านรีดไถ เพราะบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้อับอายขายขี้หน้าไม่พอ
ที่สำคัญยังไป “แต่งเรื่อง” ทำลายหลักฐาน ไม่ยอมรับความจริง
กลับโทษสาวไต้หวันคนพูดความจริงเสียอีก
ตำรวจนครบาลภายใต้การกำกับของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง เจ้าเก่าอีกแล้ว
แทนที่จะกล้ายอมรับความจริง จัดการให้คนต่างชาติเขาเห็นว่า เราเอาจริงกับตำรวจรีดไถ
ดันแต่งเรื่องช่วยปกป้องคนผิด โยนว่าสาวไต้หวันเมา
ผมบอกท่านนายกฯ ไว้แล้ว เมื่อวันไปพบที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ดันไม่เชื่อผม
ให้ ผบช.น. คนนี้อยู่นครบาลต่อไป ยังมีระเบิดลงอีกเป็นลูกระนาด"
แถมมีคอมเม้นต่อท้ายอีกว่า
"ไถแล้ว ยังวางแผนโยนว่าสาวไต้หวันเมาสับสน
เตี๊ยมเรื่องแบบนี้ไม่ไหวนะครับ ตำรวจไม่ดีดันไปช่วยปกป้อง
บอกแล้วว่าให้ ผบช. น. คนนี้อยู่ดูแลคนกรุงเทพฯ ไม่ได้
ผบ.ตร. และนายกฯ ต้องรับผิดชอบครับ
เมื่อไม่ย้าย ก็ต้องแบกหน้ารับกับการแต่งเรื่องหลอกคนทั้งโลก
การท่องเที่ยวป่นปี้หมด"
แล้ววันนี้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ได้โพสต์ลงเฟสบุ๊คตอกย้ำลงไปอีกว่า
"ผมรอฟังความจริงจาก ผบช.น. หลังฟังคำโกหกหลอกลวง หาเรื่องสาวไต้หวันคนพูดความจริง
หากครั้งนี้ยังโกหกอีกแม้แต่คำเดียว ผมจะแถลงข่าวเปิดโปงให้ดู หลักฐานอยู่ในมือผมแล้ว"
แล้วอีกไม่นานสื่อต่างๆก็ทยอยลงข่าว "ผบ.ตร.สั่งเด้งผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง เซ่นคดีรีดไถดาราสาวไต้หวัน"
อย่างเช่นมติชนออนไลน์ได้รายงานข่าวดังนี้
ผบ.ตร.สั่งด่วน ให้ น.1 สั่ง ผกก.สน.ห้วยขวาง ช่วยราชการทันที หลังพบมีมูลตำรวจที่ตั้งด่านอาจเกี่ยวข้องเรียกรับเงินนักท่องเที่ยวไต้หวัน ย้ำตำรวจทุกพื้นที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากเกิดเหตุอีกเอาโทษ ผกก.-ผบก.ด้วย
เมื่อวันที่ 30 มกราคม พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันอ้างถูกตำรวจเรียกรับเงิน ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการด่วน ให้ ผบช.น.สั่ง ผกก.สน.ห้วยขวาง ช่วยราชการ หลังจากมีข้อมูลว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันถูกเรียกรับเงิน พร้อมกำชับ น.1 ดำเนินการตั้งกรรมการวินัยร้ายแรง และดำเนินคดีอาญาในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิดในเหตุดังกล่าวทุกรายอย่างเด็ดขาด มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
พันตำรวจเอก ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง (ภาพ: ไทยรัฐออนไลน์)

โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำกำชับไปยังตำรวจนครบาล และตำรวจทุกพื้นที่ กรณีการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด หรือการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ต้องกระทำตามอำนาจหน้าที่ เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามระเบียบแนวทางที่ ตร.ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ต้องไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ อันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างเด็ดขาด
โดยให้ผู้บังคับบัญชาเพิ่มความเข้มในการตรวจตราการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ไม่ให้เกิดพฤติกรรมในทางไม่ดี หากพบว่าพื้นที่ใดมีการกระทำความผิดซ้ำขึ้นอีก จะพิจารณาโทษถึงระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ แต่ถ้าเกิดเป็นความผิดซ้ำซาก จะพิจารณาโทษถึงระดับผู้บังคับการ โดยจะดำเนินการเด็ดขาดทั้งทางวินัยอาญา และปกครอง